รายได้เท่านี้ ซื้อประกันเท่าไหร่ดี

ใครว่า…ทำประกันที กระเป๋าแทบฉีก?!
จริง ๆ แล้ว หากเลือกซื้อประกันให้เหมาะสมกับความต้องการ ก็จะสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือการขาดรายได้ยามเจ็บป่วย ได้เป็นอย่างมาก บอกได้เลยว่าทุกวันนี้ ถ้าไม่มีประกันคุณอาจกระเป๋าฉีกของจริง!

การทำประกัน ไม่จำเป็นต้องมีรายได้เยอะ แต่คุณสามารถแบ่งสัดส่วนจากเงินเดือนมาซื้อประกันได้ โดยคุณสามารถเลือกได้ตามความต้องการว่า ซื้อเพื่อออมเงินในรูปแบบประกันได้ หรือซื้อเพื่อความคุ้มครองก็ได้ สามารถอย่ามองว่าประกันเป็นเรื่องไกลตัว แต่ควรปรับเปลี่ยนมุมมองต่อการทำประกันให้เป็นเรื่องของการวางแผนรองรับความเสี่ยง

ถ้าจะทำประกัน ต้องแบ่งรายได้มาเท่าไหร่?

การแบ่งเงินเดือนมาเพื่อการทำประกัน ควรแบ่งเงินประมาณ 10 – 20% ในแต่ละเดือน โดยก่อนที่จะเลือกซื้อประกันต้องคำนึงถึงประโยชน์ของการทำประกัน ผลประโยชน์ทางภาษี วงเงินความคุ้มครอง ความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัย เงินเก็บในอนาคต รวมถึงสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ หากเกิดการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ เดี๋ยวนี้มีแบบประกันให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ แต่ขอแนะนำให้เลือกทำประกันกับบริษัทที่น่าเชื่อถือ และเลือกแบบประกันที่เหมาะกับความต้องการของคุณจริง ๆ เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ในอนาคตเมื่อเรามีเงินเดือนหรือรายได้เพิ่มขึ้น หากยังรักษาสัดส่วนของเงินสำหรับทำประกันไว้ได้เป็นอย่างดี ก็จะทำให้สามารถเพิ่มทุนประกันและวงเงินความคุ้มครองของประกันให้มากขึ้นได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น

หากเริ่มทำงานด้วยเงินเดือนเดือนละ 15,000 บาท

จัดสรรมา 10% ของรายได้ต่อเดือน สำหรับทำประกัน เท่ากับ 1,500 บาทต่อเดือน

จะทำให้มีเงินจ่ายเบี้ยประกันภัยได้เท่ากับ 18,000 บาทต่อปี

ต่อมาได้รับการปรับเงินเดือนได้เพิ่มขึ้นเป็น 50,000 บาท

ขณะที่ยังคงจัดสรรเงินไว้สำหรับทำประกันไว้ที่ 10% ของรายได้ต่อเดือน คือ 5,000 บาทต่อเดือน

ก็จะทำให้มีเงินจ่ายเบี้ยประกันภัยได้เท่ากับ 60,000 บาทต่อปี

ดังนั้น ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น แม้สัดส่วนของเงินที่จัดสรรไว้สำหรับการทำประกันจะยังคงที่ แต่มีเงินสำหรับจ่ายเบี้ยประกันภัยมากขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มทุนประกัน หรือทำประกันเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งก็จะทำให้เราได้รับความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ให้เราได้ดูแลคุณ

สำนักงานตัวแทนประกันชีวิต คุณเนตรทิพย์ อัครมโนไพศาล