เมื่อพูดถึงอาหารแปรรูปอย่างเบคอน ไส้กรอก ชีส และอาหารแช่แข็ง
คงเป็นอาหารเมนูโปรดที่ใครหลายคนมักเลือกซื้อมารับประทาน เพราะนอกจากจะรสชาติดีแล้ว ตอนทานก็ไม่ต้องเสียเวลาปรุง แค่นำไปอุ่นร้อนในไมโครเวฟ ก็สามารถรับประทานได้ทันที แต่หารู้ไม่ว่าอาหารเหล่านี้ คือ มัจจุราชเงียบ ที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพของเราไปทีละน้อย
สาเหตุที่ทำให้อาหารแปรรูปกลายเป็นภัยเงียบ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ นั่นก็เพราะ อาหารแปรรูป คือ อาหารสดที่ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา มีการปรุงแต่งรสและกลิ่นให้น่ารับประทานมากขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงคุณลักษณะของอาหารให้ต่างไปจากเดิมตามธรรมชาติ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปร่าง และนำมาบรรจุในภาชนะต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการรับประทาน
ซึ่งอาหารแปรรูปเหล่านี้ อาจมีการเติมส่วนผสมบางชนิด เช่น สารให้ความหวาน น้ำมัน กลิ่นสังเคราะห์ สีสังเคราะห์ สารกันบูด เพื่อคงความสดใหม่ ความน่ารับประทาน และยืดอายุการเก็บรักษา อีกทั้งอาหารแปรรูปบางชนิด ยังมีความเสี่ยงที่ผู้ผลิตจะใส่น้ำตาล โซเดียม และไขมันอิ่มตัวที่สูงเกินไป เพื่อต้องการให้อาหารมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดี หากผู้บริโภครับประทานอาหารเหล่านี้ในปริมาณมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว และเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้
แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักขาดความเข้าใจ และไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายของอาหารแปรรูปมากพอ ทำให้ละเลย และไม่ใส่ใจในการเลือกรับประทาน จนในท้ายที่สุดแล้ว อาหารแปรรูปเหล่านั้นได้กลายเป็นภัยร้ายที่ทำลายสุขภาพในระยะยาว ได้ดังนี้
1. อาหารแปรรูปหลายชนิดคือแหล่งสะสมไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat)
อาหารแปรรูปที่มีไขมันอิ่มตัวสูง มักทำจากเนื้อติดมัน เนื้อหมูติดมันที่แปรรูปไปเป็นเบคอน และแฮม ที่ใครหลายคนชอบทาน นอกจากนั้นยังมีอาหารแปรรูปจำพวกเบเกอรีที่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จากไขมันเต็มส่วน เช่น เนย ครีม ชีส ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคอ้วน
2. โซเดียม (Sodium) สูง
โซเดียม หรือที่รู้จักกันในนาม “เกลือ” ที่ใช้ปรุงอาหารทั่ว ๆ ไป มักเป็นส่วนผสมที่ใส่อยู่ในเนื้อสัตว์แปรรูปส่วนใหญ่ในปริมาณมาก เพื่อต้องการยืดอายุ และเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อสัตว์แปรรูปเหล่านี้ แต่ความอร่อยก็แฝงมาด้วยอันตรายที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โดยโรคนี้จะส่งผลถึงอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะไต ที่ทำงานหนักขึ้น จนอาจเกิดภาวะ “ไตวายเรื้อรัง” รวมถึงยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร อีกด้วย
3. อาจมีสารไนโตรซามีน (Nitrosamine) ปนเปื้อน
สารไนโตรซามีน (Nitrosamine) มีหน้าที่ช่วยคงให้อาหารแปรรูปจำพวกเนื้อสัตว์ คงสีชมพูที่น่ารับประทานไว้ แถมยังสามารถช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และลดการเกิดกลิ่นหืนได้อีกด้วย แต่ข้อเสียคือหากทานมากเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้
4. อาจมีสาร PAHs หรือ โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons) ปนเปื้อน
PAHs เป็นสารก่อมะเร็งที่ก่อตัวขึ้น เมื่อฟืน หรือถ่านไม้ เกิดการเผาไหม้ เมื่อใช้รมควันอาหาร สารตัวนี้ก็จะลอยขึ้นไปจับตัวกันบนเนื้อที่ถูกรมควันนั่นเอง นอกจากทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งแล้ว หากรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดความเป็นพิษต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายได้
5. เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารสำคัญ
หากทานอาหารแปรรูปมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายเสี่ยงขาดสารอาหารสำคัญได้ เช่น ขาดโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ที่ใช้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หรือขาดวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้เกิดความเสียหายได้ หรือขาดใยอาหาร ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยขับถ่ายได้
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงเริ่มกลัว และเกิดคำถามขึ้นแล้วว่าแบบนี้จะเหลืออะไรที่ยังคงทานได้บ้าง? ต้องบอกก่อนว่าความจริงแล้วเรายังสามารถรับประทานอาหารแปรรูปได้ แต่ต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม หรือต้องเลือกอาหารแปรรูปอย่างพิถีพิถันมากขึ้น เช่น อาจจะต้องอ่านฉลากข้างบรรจุภัณฑ์ให้ติดเป็นนิสัย เพื่อเลี่ยงอาหารแปรรูปที่มีโซเดียมสูง มีไขมันอิ่มตัว หรือไขมันทรานส์ที่มากเกินไป หรืออาจจะมองหาฉลาก “ทางเลือกเพื่อสุขภาพ” (Healthier Choice) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์อาหารเหล่านั้น ผ่านเกณฑ์พิจารณาแล้วว่ามีปริมาณไขมัน โซเดียม และน้ำตาลที่เหมาะสม
แต่ทางที่ดีที่สุด คือ ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารแปรรูปให้ได้มากที่สุด โดยอาจเปลี่ยนจากการทานอาหารแปรรูป มาเลือกทานอาหารในร้านที่สามารถขอให้ปรุงรสตามสั่งได้ เพื่อจะได้ขอหลีกเลี่ยงผงชูรส น้ำตาล น้ำมัน หรือเครื่องปรุงที่มีโซเดียม และไขมันสูง ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ หรืออาจจะเปลี่ยนมาทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน เพราะจะสามารถควบคุมปริมาณเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังช่วยประหยัดเงิน และทำให้มีกิจกรรมทำร่วมกับครอบครัวได้อีกด้วย
การใส่ใจเรื่องอาหาร ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมนูโปรดของใครหลายคนอาจพาอันตรายมาสู่ร่างกายได้ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการดูแลสุขภาพเป็นประจำอยู่แล้ว หรืออยากลองเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้นด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน มาเริ่มไปด้วยกันเลย ! ร่วมปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อการควบคุมน้ำหนักอย่างถูกต้อง พร้อมสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไปกับ AIA Vitality ประกันที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ให้คุณได้รับสิทธิประโยชน์มากมายเมื่อคุณออกกำลังกาย ทานอาหารที่ดี และดูแลสุขภาพ คุณจะได้รับคะแนนเพื่อเลื่อนสถานะไวทัลลิตี้ และรับสิทธิประโยชน์เพิ่มมากขึ้น