ช่วงนี้ของทุกปีเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลของทุเรียน ผลไม้ที่ได้รับการขนานนามว่าราชาแห่งผลไม้ มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติอร่อย หวานมัน ที่จะออกผลให้คนที่ชอบทานทุเรียนได้ฟินกันหลังจากรอคอยมานานนับปี เนื่องจากเป็นผลไม้ประจำฤดู จึงมีให้กินไม่บ่อย บางครั้งพอได้ทานแล้วก็อร่อยเพลินจนเผลอลืมคิดถึงผลเสียต่อสุขภาพทุกที
สำหรับใครที่เป็นทุเรียนเลิฟเวอร์รู้หรือไม่ว่าราชาผลไม้อย่างทุเรียน มีสารอาหารอะไรที่ให้ประโยชน์กับร่างกายซ่อนอยู่บ้าง และหากกินมากไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร เอไอเอ จะมาไขข้อสงสัยให้ฟังกัน!
ทุเรียนจัดอยู่ในอาหารกลุ่มผลไม้ที่มีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ รวมทั้งเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันค่อนข้างมาก ดังนั้น ควรระวังหากทานมากไป อาจส่งผลให้คุณเกิดทั้งโรคอ้วน โรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูงได้ง่าย จำเป็นจะต้องควบคุมปริมาณการบริโภคให้ไม่มากจนเกินไป
ทุเรียนทานแค่ไหนถึงพอดี
จากที่กล่าวไปแล้วว่า ทุเรียนถือว่าเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตและพลังงานสูง ซึ่งทุเรียน 1 เม็ดขนาดกลาง (40 กรัม) ให้น้ำตาล 18 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี เทียบได้กับข้าวสวยเกือบทัพพี (ข้าว 1 ทัพพี = 80 กิโลแคลอรี) แต่หากใครที่ลืมตัวกำลังฟินกินไม่ยั้งครั้งละ 4-6 เม็ด ก็จะได้รับพลังงานไปเกือบ 400 กิโลแคลอรี่ เทียบเท่ากับดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง หรือกินข้าวถึง 5 ทัพพีเลยทีเดียว! ดังนั้น สำหรับใครที่เป็นทุเรียนเลิฟเวอร์ แนะนำให้ทานเพียง 1-2 เม็ดต่อวัน ไม่ควรกินบ่อย เพราะจะทำให้เจ็บคอ ร้อนในได้
ทุเรียนทานเวลาไหนถึงจะดี
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ไม่มีกรดที่อาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร อีกทั้งยังเป็นผลไม้มีคาร์โบไฮเดรต มีน้ำตาล กินแล้วให้พลังงานกับร่างกายได้ทันที แนะนำว่าควรกินทุเรียนในช่วงเวลาอาหารว่าง หลังมื้ออาหารกลางวัน เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไป อย่าไรก็ตาม ไม่ควรทานทุเรียนตอนเย็น หรือตอนค่ำ เพราะเป็นช่วงก่อนเข้านอน ทำให้ร่างกายไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เผาผลาญพลังงานมากเท่าเวลาอื่น ๆ
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว ควรทานทุเรียนแต่พอดี
แม้ทุเรียนจะมีสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่มีประโยชน์กับร่างกายมากมาย แต่ด้วยปริมาณพลังงานที่สูงและไม่ควรรับประทานถี่จนเกินไป โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการคุมปริมาณน้ำตาลและไขมันในเลือด ทุเรียนเป็นผลไม้มีน้ำตาลและไขมันสูง ดั้งนั้นผู้ป่วยอาจต้องลดปริมาณให้น้อยลงไปถึงวันละครึ่งเม็ดเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแบบเฉียบพลัน ซึ่งจะนำไปสู่อาการช็อกได้
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน การที่ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรับประทานทุเรียนในปริมาณมากนั้น อาจทำให้ความดันในเลือดสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับผู้ป่วยได้
- ผู้ป่วยโรคไตและโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เพราะมีโพแทสเซียมในทุเรียนสูง ทำให้เมื่อผู้ป่วยรับประทานทุเรียนในปริมาณมาก ร่างกายอาจขับโพแทสเซียมได้น้อยกว่าที่ควรเป็น จึงเกิดการสะสมในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ทานทุเรียนอย่างไร ให้ห่างไกลความอ้วน
ด้วยรสชาติที่หวานมันอร่อยของราชาผลไม้ ยากมากที่จะอดใจไม่ให้กินได้ ดังนั้น หากอยากทานให้อร่อยต้องทานให้พอเหมาะ
1. หากกินทุเรียนหลังมื้ออาหารก็ควรลดปริมาณแป้งและน้ำตาลในอาหารลงด้วย
2. ควรออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญน้ำตาลจากการกินทุเรียนออกไป เช่น การเดินอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
3. ทานผลไม้ที่มีน้ำเยอะ ๆ และหวานน้อยควบคู่กัน เช่น มังคุด แตงโม เพราะมังคุดและแตงโมมีฤทธิ์เย็น ส่วนทุเรียนมีฤทธิ์ร้อน จึงสามารถกินคู่กันได้ และควรหลีกเลี่ยงการกินผลไม้ที่มีรสชาติหวานพร้อมกัน เช่น มะม่วงสุก เงาะ ลิ้นจี่ เพราะจะทำให้ปริมาณน้ำตาลในร่างกายสูงเกินไป
4. ระมัดระวังการกินทุเรียนแปรรูป เช่น ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด ทุเรียนเผา เป็นต้น เนื่องจากมีน้ำตาลสูงมากกว่าทุเรียนสด
5. อย่ากินน้ำอัดลมหรือกาแฟตาม เพราะมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท และมีความหวาน
6. ควรดื่มน้ำตามเยอะๆ หลังกินทุเรียน เพื่อลดความร้อนในร่างกาย
จะเห็นว่าการทานทุเรียนไม่ให้อ้วน เบาหวานไม่พุ่ง คือการทานอย่างมีสติ ไม่ทานเยอะเกินไป เพราะถ้าเรากินแบบพอดีก็จะได้ประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้น เพื่อให้ยังได้มีความสุขกับการรับประทานผลไม้ที่เราชอบ และยังคงมีสุขภาพที่ดีไปพร้อมกัน AIA Vitality ซื้อผักและผลไม้สด (ไม่รวมผลไม้แปรรูปและผลไม้อบแห้ง) รับส่วนลดทันที 15% ที่ท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู๊ด ฮออล์ ทุกสาขา พร้อมรับคะแนนเอไอเอ ไวทัลลิตี้ 1 คะแนน จากยอดซื้อทุกๆ 5 บาท ก่อนหักส่วนลด (สูงสุด 400 คะแนนต่อเดือน หรือสูงสุด 4,800 คะแนนต่อปี) สนใจทำประกัน เอไอเอ กดติดต่อกลับเพื่อกรอกแบบฟอร์ม